
การตรวจสุขภาพ หรือ Health check Up คือ การตรวจร่างกายในภาวะที่ปกติ ไม่มีการเจ็บป่วย มีวัตถุประสงค์ เพื่อคัดกรอง และหาปัจจัยเสี่ยง เพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ โดยนอกจากการซักประวัติ และตรวจร่างกายโดยแพทย์ ก็จะมีการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการร่วมด้วย
หลายท่านอาจเคยเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี หรือเคยเห็นโปรแกรมตรวจสุขภาพต่างๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามสถานพยาบาล อย่างไรก็ตามบางท่านอาจไม่ทราบว่าค่า Lab แต่ละตัวที่ตรวจคือการตรวจอะไร มีความจำเป็นต้องตรวจหรือไม่
ในบทความนี้จะพูดถึง การตรวจทางห้องปฏิบัติการในการตรวจสุขภาพพื้นฐานที่ “จำเป็น” ตามแนวทางการตรวจสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข (1) และแนวทางการตรวจทางห้องปฏิบัติการทางการแพทย์อย่างสมเหตุผลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (2) เป็นหลัก **
** เนื่องจากแต่ละสถานที่ จำนวนผู้ป่วย, อุบัติการณ์โรคที่พบ, งบประมาณการจัดการ อาจไม่เหมือนกัน รายละเอียดการตรวจตามอายุจึงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละสถานพยาบาล รวมถึงแนวทางตรวจสุขภาพของ รพ.จุฬาลงกรณ์ เองอาจมีชุดการตรวจที่ต่างไปเล็กน้อยได้ และอาจตรวจครอบคลุมมากขึ้น ขึ้นอยู่กับนโยบายสถานพยาบาล และการบริหารจัดการห้องปฏิบัติการ
การซักประวัติและตรวจร่างกาย
โดยทั่วไป แพทย์จะซักประวัติ สุขภาพทั่วไป, พฤติกรรมต่างๆ เช่นการกิน การออกกำลังกาย, ประเมินความเสี่ยงการเกิดโรค เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา และสารเสพติด รวมถึงประวัติโรคในครอบครัว เช่นมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น, และตรวจร่างกายทั่วไป ได้แก่การวัดสัญญาณชีพ น้ำหนัก ส่วนสูง รอบเอว และการตรวจร่างกายตามระบบ

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- Complete Blood Count (CBC)
หรือ การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด คือการตรวจนัดเม็ดเลือดและดูรูปร่างความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง โดยภาวะหลักที่ต้องคัดกรองได้แก่ ภาวะโลหิตจาง (Anemia) แนะนำตรวจระหว่างอายุ 19 -60 ปี 1 ครั้ง และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ตรวจปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากภาวะซีดเป็นภาวะที่พบบ่อยขึ้นในผู้สูงอายุ และเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคอื่นได้ - Fasting Plasma Glucose (FPG)
หรือระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร เพื่อคัดกรองโรค เบาหวาน (Diabetes) โดยแนะนำให้ตรวจทุก 3 ปีในผู้ใหญ่อายุ 35 ปีขึ้นไป และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ตรวจปีละ 1 ครั้ง อย่างไรก็ตามหากผลผิดปกติ คือ Impaired fasting glucose หรือ Prediabetes แนะนำตรวจติดตามทุก 1 ปี หรือตามที่แพทย์แนะนำ - การตรวจน้ำตาลสะสม (HbA1c)
เป็นการตรวจเพื่อวินิจฉัยหากผลตรวจคัดกรอง FPG ผิดปกติ และเพื่อติดตามการรักษาโรคเบาหวาน ไม่ได้อยู่ในคำแนะนำแนวทางการตรวจสุขภาพ - Total Cholesterol, HDL Cholesterol, Triglycerides, Calculated LDL
หรือการตรวจไขมัน เพื่อคัดกรองภาวะไขมันสูง และเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยแนะนำตรวจทุก 5 ปีในผู้ใหญ่อายุ 20 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม หลังอายุ 75 ปี หากไม่มีโรคหัวใจและหลอดเลือด อาจพิจารณาไม่จำเป็นต้องตรวจต่อ - Serum Creatinine (Cr)
เป็นการตรวจสารครีเอตินิน เพื่อนำไปประมาณอัตราการกรองของไต หรือ estimated glomerular filtration rate (eGFR) เพื่อคัดกรองความเสี่ยงต่อโรคไตเรื้อรัง โดยแนะนำตรวจในผู้ใหญ่อายุ 35 ปีขึ้นไป ตรวจปีละ 1 ครั้ง (2)
ยังไม่มีการแนะนำให้ตรวจ Blood Urea Nitrogen (BUN) ร่วมด้วย เนื่องจาก eGFR สามารถคำนวณได้จากเพียง Creatinine - Aspartate aminotransferase (AST), Alanine aminotransferase (ALT), Alkaline phosphatase (ALP)
เป็นการตรวจเอนไซม์ตับ อยู่ในชุดตรวจของการตรวจตับ (Liver Function Test) โดยในแนวทางการส่งตรวจอย่างสมเหตุสมผลของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แนะนำสำหรับผู้ใหญ่ 18 ปีขึ้นไปที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่น แนะนำตรวจเพียง AST, ALT ครั้งเดียว อย่างไรก็ตามในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงได้แก่ โรคอ้วน, ภาวะลงพุง, ดื่มสุราเป็นประจำ แนะนำให้ตรวจปีละ 1 ครั้ง และในส่วนการตรวจอื่นในชุดการตรวจตับนอกจาก AST, ALT ยังไม่มีคำแนะนำอยู่ในแนวทาง (2) - Urinalysis (UA)
หรือการตรวจปัสสาวะ เป็นการนำปัสสาวะไปตรวจดูสารต่างๆ และส่องกล้องเพื่อดูเซลล์และผลึก เพื่อคัดกรองความผิดปกติโดยรวมของทางเดินปัสสาวะ โดยแนะนำตรวจในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ตรวจปีละ 1 ครั้ง (1) - Uric acid
หรือการตรวจระดับกรดยูริคในเลือด ยังไม่ได้มีการแนะนำให้ตรวจเป็นประจำ เนื่องจากผู้ที่มีกรดยูริคในเลือดสูง อาจไม่ได้เป็นโรคเกาต์ (Gout) ทุกราย โดยเรียกผู้ป่วยกลุ่มนี้ว่า Asymptomatic Hyperuricemia และไม่จำเป็นต้องได้รับยาลดกรดยูริค

การตรวจอื่นๆ
- HBsAg
หรือการตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบบี แนะนำตรวจครั้งเดียว ในผู้ใหญ่อายุ 19-65 ปี เฉพาะผู้ที่เกิดก่อน พ.ศ. 2535 (เนื่องจากวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี เป็นวัคซีนพื้นฐานที่ทารกทุกคนได้รับหลักปี พ.ศ. 2535 ผู้ที่เกิดก่อนอาจยังไม่ได้รับวัคซีน) โดยหากผลตรวจปกติ และยังไม่ได้รับวัคซีน แนะนำให้ไปรับวัคซีนที่สถานพยาบาล - Anti-HCV
หรือการตรวจภูมิคุ้มกันต่อไวรัสตับอักเสบซี แนะนำตรวจ 1 ครั้ง ในผู้ใหญ่อายุมากกว่า 40 ปี และ ผู้ที่มีความเสี่ยงได้แก่ พนักงานบริการทางเพศ, ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น, ผู้ต้องขังหรือผู้เคยมีประวัติต้องขัง, ผู้ที่เคยสักผิวหนัง เจาะผิวหนังหรืออวัยวะต่าง ๆ ในสถานประกอบการที่ไม่ใช่สถานพยาบาล, และผู้ที่มีคู่สมรสหรือผู้ที่เพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง
* อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจแนะนำส่งตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆร่วมด้วยในกลุ่มเสี่ยง เช่น HIV, Treponemal Ab (Syphilis) หรือ Bacteria ชนิดอื่นๆเป็นต้น - Fecal Occult Blood Test (FOBT)
เป็นการตรวจหาเม็ดเลือดแดงในอุจจาระ เพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง แนะนำตรวจในผู้ใหญ่อายุ 50 ปีขึ้นไป ปีละ 1 ครั้ง - Tumor marker
การตรวจสารก่อมะเร็งไม่ได้อยู่ในคะแนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยมีอาการผิดปกติหรือปัจจัยเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางต่อไป

การตรวจ Health check up เป็นประจำมีความสำคัญในการป้องกันโรค ทั้งในแง่การคัดกรองภาวะผิดปกติต่างๆก่อนจะเกิดเป็นโรค หรือ การตรวจพบโรคตั้งแต่เนิ่นๆก่อนจะมีภาวะแทรกซ้อน และการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการมีบทบาทสำคัญสำหรับแพทย์ในการดูแลผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม การป้องกันโรคที่ดีที่สุดจริงๆไม่ใช่เพียงแค่การมาตรวจประจำปีละ 1 ครั้ง แต่เป็นการดูแลสุขภาพในทุกๆวัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน การนอนหลับพักผ่อน และการออกกำลังกายครับ
- แนวทางการตรวจสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับประชาชน. กรมการแพทย์. นนทบุรี, ไทย: สถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข; 2565.
- แนวทางการตรวจทางห้องปฏิบัติการอย่างสมเหตุผล (Rational Laboratory Use, RLU). กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. นนทบุรี, ไทย: สำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข;